Categories
การป้องกันไวรัสเอชไอวี ท้อง

ถุงยางอนามัย และวิธีการใช้ถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัยในปัจจุบันทำมาจากยางธรรมชาติ (Latex) ที่ได้ผ่านการทดสอบและตรวจสอบแล้วว่ามีความปลอดภัย ไม่มีรูรั่ว และมีความทนทานตามมาตรฐานกำหนด ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อหรือร้านขายยาทั่วไป หรือสามารถรับฟรีที่สถานพยาบาลต่าง ๆ การใช้ถุงยางอนามัยควรใช้ก่อนที่อวัยวะเพศทั้งสองฝ่ายจะสัมผัสกัน

ประโยชน์ของถุงยางอนามัยมีดังนี้
  • คุมกำเนิด
    ถุงยางอนามัยป้องกันไม่ให้อสุจิเล็ดลอดเข้าไปในบริเวณช่องคลอดได้ ดังนั้นควรสวมถุงยางตลอดเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ และสังเกตให้ดีว่าถุงยางอนามัยที่สวมชำรุดหรือไม่
  • ป้องกันการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
    ถุงยางอนามัยช่วยลดโอกาสการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ เช่น โรคเอดส์ กามโรค หนองใน ซิฟิลิส เป็นต้น เพราะการรติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกันโดยตรงของสารคัดหลั่งและอวัยวะเพศ ทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อโรคหรือเชื้อไวรัสได้ง่าย
  • ลดการบาดเจ็บจากการมีเพศสัมพันธ์
    ถุงยางอนามัยมีส่วนผสมของสารหล่อลื่นในปริมาณที่พอเหมาะ เมื่อใช้ขณะมีเพศสัมพันธ์จะทำให้ลดโอกาสบาดเจ็บของอีกฝ่ายได้ ทั้งนี้ถุงยางอนามัยสามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นได้อีกด้วย
  • ช่วยเพิ่มอรรถรสทางเพศได้
    ในปัจจุบันมีถุงยางอนามัยให้เลือกใช้หลายรูปแบบ ทั้งผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ ผิวขรุขระ มีสี มีกลิ่น ให้เลือกใช้งานได้ตามรสนิยมของผู้ใช้งาน จึงทำให้ช่วยเพิ่มอรรถรสในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ได้
ขั้นตอนการใส่ถุงยางอนามัยให้ถูกวิธี
  1. ฉีกซองถุงยางอนามัยออกมาแล้วเลือกด้านที่มีกระเปาะไว้ด้านนอก ใช้นิ้วมืออีกข้างบีบบริเวณหัวของถุงยางอนามัยเพื่อไล่อากาศ
  2. สวมถุงยางอนามัยในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ แล้วรูดถุงยางอนามัยลงมาจนสุด เพื่อป้องกันการหลุดออกในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
  3. ก่อนสอดใส่ตรวจดูให้แน่ใจว่าปลายถุงยางไม่มีรอยรั่วหรือแตกออก บริเวณขอบไม่มีรอยฉีกขาด
  4. เมื่อเสร็จกิจแล้วควรถอดถุงยางอนามัยในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ เโดยใช้มือดึงออกจากส่วนโคนก่อนอย่างระมัดระวัง และอาจจะใช้กระดาษชำระห่อก่อนนำไปทิ้ง
  5. ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ต่อในยกต่อไปควรเปลี่ยนใช้ถุงยางอันใหม่ เพื่อประสิทธิภาพของการป้องกันเชื้อโรค
ข้อควรรู้เกี่ยวกับถุงยางอนามัย
  • ขนาดของถุงยางอนามัย
    ปัจจุบันถุงยางอนามัยจะมีจำหน่ายหลายขนาด ทั้ง 49 52 52.5 53 54 และ 56 มิลลิเมตร ขนาดตรงนี้จะหมายถึงรอบวงของอวัยวะเพศชายขณะแข็งตัวเต็มที่และนำไปหารด้วย 2 จะได้เป็นขนาดของถุงยางอนามัยที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
  • สารหล่อลื่น
    การใช้สารหล่อลื่นอื่นๆ เช่น น้ำมันมะพร้าว โลชั่น เบบี้ออยส์ วาสลีน สบู่เหลว ที่ไม่ใช่เจลหล่อลื่นจะทำให้ถุงยางอนามัยเกิดการฉีกขาดได้ง่ายในขณะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการใช้ถุงยางอนามัยได้ ดังนั้นควรใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของซิลิโคนเท่านั้น
  • วันหมดอายุ
    จำเป็นอย่างยิ่งที่ควรตรวจสอบวันหมดอายุก่อนนำถุงยางอนามัยใช้งานทุกครั้ง เนื่องจากสารหล่อลื่นที่อยู่ในซองถุงยางอนามัยนั้นอาจเสื่อมสภาพหรือหมดอายุไปแล้ว เมื่อนำมาใช้อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือถุงยางอนามัยชำรุดได้
  • บีบไล่อากาศที่ปลายถุงยางก่อนใส่ทุกครั้ง
    ก่อนสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งควรบีบไล่อากาศออกก่อน เพราะอากาศที่อยู่บริเวณปลายถุงยางอาจจะทำให้ถุงยางอนามัยแตกหรือฉีกขาดได้ง่าย
  • สวมถุงยางอนามัยให้ถูกด้าน
    เมื่อฉีกถุงยางอนามัยออกมาจากซองแล้ว ให้หันด้านที่มีกระเปาะตรงส่วนหัวออกด้านนอก และสวมลงบนอวัยวะเพศที่แข็งตัวอยู่ ถ้าสวมถูกด้านจะสามารถรูดถุงยางอนามัยลงได้ง่าย

สรุปแล้วการมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น ควรป้องกันตัวเองและผู้อื่นด้วยการใช้ถุงยางอนามัย จะช่วยลดปัญหาที่ตามมาภายหลัง ทั้งการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมและการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ การใช้ถุงยางอนามัยควรเริ่มจากการมีทัศนคติที่ดีต่อการใช้ ไม่ควรเขินอายเพราะกลัวว่าจะถูกล้อเลียนในตอนซื้อหรือตอนใช้ รวมถึงการพกถุงยางอนามัยไว้กับตัวเองตลอดเวลา ที่สำคัญคือใช้ถุงยางถูกวิธีด้วย

Categories
ท้อง ไฮไลท์

การใช้ยาคุมกำเนิด

ในประเทศไทย วัยรุ่นสามารถเลือกซื้อยาคุมกำเนิดได้เองตามร้านขายยาทั่วไป หรือสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ต ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเป็นส่วนประกอบถูกใช้อย่างแพร่าหลาย เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์และเพื่อเหตุผลอื่น เช่น รักษาสิว ปรับประจำเดือน แต่พบปัญหาที่ทำให้วัยรุ่นใช้ยาคุมกำเนิดไม่ต่อเนื่อง ได้แก่ กังวลเรื่องผลข้างเคียง ลืมกิน หรือลืมนัดฉีดยาคุมกำเนิด ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกแนะนำให้วัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์แล้วป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยการใช้ยาคุมกำเนิดระยะยาว เช่น ยาฝังคุมกำเนิด หรือห่วงอนามัยเนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการตั้งครรภ์และวัยรุ่นมีโอกาสที่จะใช้ต่อเนื่องได้นาน 3-5 ปี นอกจากนี้ยังแนะนำให้ใช้คู่กับถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย กลไกสำคัญของยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเป็นส่วนประกอบ คือ ป้องกันการตกไข่ ทำให้มูกบริเวณปากมดลูกข้นและเหนียว ทำให้อสุจิไม่สามารถผ่านเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะสมในการฝังตัวของตัวอ่อนที่เกิดจากการปฏิสนธิ วิธีใช้ยาคุมกำเนิด มี 3 วิธีคือ

  1. เริ่มยาคุมครั้งแรก ภายใน 5 วันแรกของรอบเดือน เป็นวิธีที่นิยมใช้กันทั่วไป
  2. เริ่มอาทิตย์แรกของรอบเดือน โดยในอาทิตย์นั้นก่อนใช้ต้องไม่มีเพศสัมพันธ์มาก่อน
  3. Quick start technique เหมาะกับวัยรุ่นที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ แนะนำให้เริ่มยาคุมกำเนิดในวันนั้น ๆ ได้เลย หากพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ก่อนเริ่มยาคุม

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน กินยังไง มีผลข้างเคียงอย่างไร

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน เหมาะกับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์หรือกรณีที่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์เนื่องจากการคุมกำเนิดที่ใช้อยู่มีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ เช่น ถุงยางแตกขณะร่วมเพศ หรือลืมกินยาคุมกำเนิด

วิธีการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน คือ กินยาชนิดที่มีฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนอย่างเดียวใน 1 กล่อง ประกอบด้วยยาที่มีฮอร์โมน 2 เม็ด มีชื่อการค้าว่า Postinor®, Madonna® ประสิทธิภาพยาจะสูงถ้ากินหลังมีเพศสัมพันธ์ทันที แนะนำให้กิน 2 เม็ดพร้อมกันภายใน 72 ชั่วโมง หรือกิน 1 เม็ดทันทีหลังการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน และกินเม็ดที่ 2 ห่างจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง

กินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม โดยกินยาคุมกำเนิดชนิดแผง 21 หรือ 28 เม็ด

วิธีใช้ยาคุมกำเนิดแบบ 28 เม็ด
  1. เริ่มกินวันแรกที่มีประจำเดือน
  2. กินตามลูกศรวันละ 1 เม็ด เวลาเดียวกันทุกวัน (กินให้ตรงเวลาทุกวัน)
  3. กินหมดแล้วให้ต่อแผงใหม่เลยทันที
  4. ช่วงที่กินแถวสุดท้ายประมาณ 1-3 วัน จะเริ่มมีประจำเดือน
วิธีใช้ยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ด
  1. เริ่มกินวันแรกที่มีประจำเดือน
  2. กินตามลูกศรวันละ 1 เม็ด เวลาเดียวกันทุกวัน (กินให้ตรงเวลาทุกวัน)
  3. กินหมดแผง เว้น 7 วัน วันที่ 8 ต่อแผงใหม่เลย
  4. หลังหยุดยาประมาณ 1-3 วัน จะเริ่มมีประจำเดือน
วิธีแก้ไขกรณีลืมกินยาคุมกำเนิด

หากลืมกิน 1 เม็ด ให้รีบกินทันทีที่นึกได้ แม้ว่าจะต้องกินยา 2 เม็ดในเวลาเดียวกัน และกินยาเม็ดต่อไปเวลาเดิม

หากลืมในสัปดาห์ที่ 3 จะต้องเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ทันทีที่หมดยาโดยจะมีเลือดประจำเดือนหลังจากที่รับประทานยาแผงที่ 2 หมด แต่อาจจะมีเลือดประจำเดือนเป็นหยด/กระปริดกระปรอยได้ ในระหว่างวันที่รับประทานยาเม็ดที่มีสารออกฤทธิ์

หากลืมกินยา 2 เม็ด ให้กินยา 2 เม็ด ทันทีที่นึกได้ และกินยาเม็ดต่อไปเวลาเดิม หรือกินยายา 2 เม็ดติดต่อกัน 2 วัน แล้วกินยาต่อไปตามปกติ

Categories
ท้อง

สัญญาณที่บ่งบอกผู้หญิงกำลังตั้งครรภ์

สิ่งที่ผู้หญิงสงสัยเมื่อประจำเดือนขาดคือ “ฉันท้องหรือเปล่า” การท้องไม่รู้ตัวเป็นสิ่งที่พบได้ แต่การรู้แต่เนิ่น ๆ จะมีข้อดีมากกว่าที่จะทำให้สามารถดูแลครรภ์และติดตามพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้อย่างเหมาะสม ไม่เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา เช่น ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ การแท้งบุตร เป็นต้น อาการหรือสัญญาณที่บ่งบอกผู้หญิงกำลังตั้งครรภ์คือ ประจำเดือนขาด นอกจากนี้ยังมีอาการอื่น ๆ ร่วมได้ด้วย เช่น

  • น้ำหนักขึ้น
  • อารมณ์แปรปรวน
  • ปัสสาวะบ่อยขึ้น
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดหลังส่วนล่าง
  • เจ็บหน้าอก
  • บริเวณปานนมหรือรอบหัวนมมีสีเข้มขึ้น
  • คลื่นไส้ อาเจียน

อย่างไรก็ตาม การตัดสินจากอาการอาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป  เพราะเคยพบว่าบางคนมีการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว ฮอร์โมน การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ความอ่อนเพลีย ความเครียด การรับประทานยาบางชนิดที่ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ตรงเวลา ก็อาจจะทำให้มีอาการคล้ายกับคนท้องเกิดขึ้นได้  เพื่อความแน่นอนควรมีการใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์เบื้องต้น และหากพบว่าตั้งครรภ์จริงควรรีบเข้ารับการตรวจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และรีบฝากครรภ์แต่เนิ่น ๆ เพื่อความปลอดภัยของแม่และทารกในครรภ์